ผู้จัดการรายวัน 360 - เอ็นอาร์เอฟเร่งเครื่องรุกช่องทางอีคอมเมิร์ซและหวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ออนไลน์อีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ 20% ของรายได้รวม ล่าสุดผนึกกับทาง วินเมด ผลักดันผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนำเข้าจากอเมริกาของในเครือที่ขายทางแอมะซอน เข้ามาขายผ่านเครือข่ายออฟไลน์และออนไลน์ของวินเมด คาดเริ่มได้ต้นปีหน้า พร้อมตั้งเป้ารายได้ส่วนนี้ไว้ที่ 200 ล้านบาท

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านทางอออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซมากขี้น จากปัจจุบันออนไลน์มีสดส่วนรายได้ประมาณ 17-20% จากรายได้รวมเมื่อปีที่แล้วที่มีประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่แล้วรายได้ทางออนไลน์จะมาจากในตลาดต่างประเทศเป็นหลัก แต่ตลาดในไทยยังมีสัดส่วนน้อยมากจึงต้องการขยายในไทยมากขึ้นด้วย

ล่าสุดบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาร่วมมือในการนำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเสริมอาหารและผลิตภัณฑ์แพลนต์เบสไปจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์อีคอมเมิร์ซและช่องทางออฟไลน์ของ บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED ซึ่งนับเป็นการเสริมแกร่งของกลุ่ม Food & Nutritional Supplement เพื่อการรองรับและขยายผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงผู้บริโภคให้ครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งทาง NRF ได้ขยายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ด้วยช่องทาง E-Commerce ในออนไลน์แพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Amazon.com ผ่านการลงทุนจากบริษัทในเครือที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยสินค้าเป็นแบรนด์ชั้นนำและเป็นที่นิยมในแพลตฟอร์มดังกล่าว ซึ่งจากรายได้ใน Q1/2022 มีการเติบโตถึง 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน

ช่วงแรกคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 นี้ โดยจะนำเข้าสินค้ามาจากอเมริกาก่อนจากบริษัทในเครือของเอ็นอาร์เอฟเอง คือ แบรนด์ WellPath จำนวน 3 เอสเคยูที่ขายดี และแบรนด์ Prime Labs อีก 1 เอสเคยู จากแผนนำเข้ามาทั้งหมดรวม 10 เอสเคยู อย่างไรก็ตาม ในอนาคตมีแผนที่จะทำการผลิตสินค้าดังกล่าวในประเทศไทยด้วยโดยมีการนำวัตถุดิบและสูตรการผลิตเข้ามาผลิตในไทย โดยว่าจ้างโรงงานอื่นผลิตให้แบบโออีเอ็ม

บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายจากความร่วมมือกับทางวินเมดนี้ช่วงปีแรกที่จะเริ่มทำตลาดจริงจังได้ในปีหน้าประมาณ 200 ล้านบาท และเพิ่มสัดส่วนยอดขายทางออนไลน์ได้อีก

นายแดนกล่าวด้วยว่า ปี 2565 นี้ตั้งงบการลงทุนไว้รวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ใกล้ที่จะสรุปดีลการซื้อกิจการใหญ่ 1 รายการแล้ว ด้วยวงเงินกว่า 1,500 ล้านบาท เป็นกิจการแพลนต์เบสที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในอเมริกา คือ TOFURKY ส่วนงบอีก 500 ล้านบาทก็ยังมีการเจรจากับรายอื่นต่อเนื่อง

ส่วนปีหน้าคาดว่าจะตั้งงบลงทุนไว้ประมาณไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในการขยายกิจการซื้อแบรดน์และบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในอีก 3 ปีจากนี้จะต้องซื้อกิจการให้ได้อีกประมาณ 10 แบรนด์ จากก่อนนี้ที่บริษัทมีการเข้าซื้อกิจการและถือหุ้น 100% ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 6 บริษัท และที่มีการเข้าไปร่วมถือหุ้นอีกประมาณ 15 บริษัท

นายนันทิยะ ดารกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED ผู้นำเข้า และจำหน่ายเครื่อง และชุดอุปกรณ์ สำหรับการเก็บ การตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัย และการบำบัดรักษาทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ตลาดรวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในไทยมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ตลาดเติบโตดีเพราะผู้บริโภคดูแลและให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากขึ้น

โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของทางเอ็นอาร์เอฟที่เตรียมออกจำหน่ายคาดว่าภายในไตรมาส 4/65 เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มุ่งเน้นเรื่องสุขภาพ ครอบคลุมเรื่องการบำรุง ฟื้นฟูและเสริมสุขภาพ

ทั้งนี้ WINMED มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและสุขอนามัย มากว่า 27 ปี มีฐานลูกค้ากลุ่ม B2B ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาลภาครัฐ-เอกชน วิทยาลัยแพทย์ คลินิก ร้านขายยา และมีความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ด้วยกลยุทธ์ช่องทางการตลาดออนไลน์ ควบคู่การตลาดออฟไลน์ (OMNI Channel) สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า B2C ครอบคลุมทั่วประเทศ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เกต และช่องทางออนไลน์ ได้แก่ เว็บไซต์ Facebook Line@ รวมถึงแพลตฟอร์ม Shopee, Lazada

การร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดทางธุรกิจให้กับธุรกิจหลักของบริษัทฯ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร โดยนำความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัทสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับ การอุบัติใหม่ของโรคต่างๆ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างกระแสความใส่ใจเรื่องของสุขภาพของประชาชนที่มีมากขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้รับความนิยมบริโภคมากขึ้น และมีการเติบโตสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมที่ชะลอตัว